วันอังคารที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2552

พิธีสืบชะตาผู้ทุกขภาวะ


คำว่า “สืบจาต๋า ” เป็นการออกเสียงแบบล้านนาตรงกับภาษาไทยกลาง คือ“สืบชะตา” พิธีสืบชะตา จึงหมายถึงพิธีทำบุญต่ออายุของคนภาคกลาง ตามพจนานุกรม ภาษาถิ่นภาคเหนือ ของสถาบันราชภัฏเชียงใหม่ (๒๕๓๙)ได้ให้ความหมายของการสืบชะตาไว้ว่า หมายถึงการทำบุญในพิธีต่ออายุ การบูชา ดาวพระเคราะห์
ทั้ง ๙ คือ อาทิตย์ จันทร์ อังคาร พุธ พฤหัสบดี ศุกร์ เสาร์ ราหู เกตุ เพื่อให้เจ้าของพิธีนั้น มีชีวิตร่มเย็นเป็นสุข พิธีสืบชะตาเป็นประเพณีสำคัญอย่างหนึ่งของชาวล้านนา ที่เชื่อกันว่าเป็นการต่ออายุหรือต่อชีวิตของบ้านเมืองหรือของคนให้ยืนยาว มีความสุข ความเจริญ ตลอดจนเป็นการขจัดภัยอันตรายต่างๆที่จะบังเกิดขึ้นให้แคล้วคลาดปลอดภัย การสืบชะตาเป็นพิธีกรรมพื้นเมืองที่ชาวล้านนาได้ยึดถือและปฏิบัติสืบต่อกัน
มาช้านานในทุกหมู่บ้าน ทุกตำบลโดยมีความเชื่อว่าจะทำให้ทุกข์เหตุเภทภัยทั้งหลาย ที่จะเกิดขึ้นกับตัวเอง และญาติพี่น้องจะหมดหายไป มีชีวิตจะยืนยาวยิ่งขึ้น อีกทั้งเชื่อว่าเป็นการเสริมสร้างขวัญและกำลังใจในการ
ปฏิบัติหน้าที่การงานพร้อมที่จะสู้กับชะตาชีวิตต่อไป พิธีสืบชะตานี้แบ่งเป็น ๓ ประเภท คือ
   สืบชะตาคน นิยมทำเมื่อขึ้นบ้านใหม่ ย้ายที่อยู่ใหม่ ได้รับยศหรือตำแหน่งสูงขึ้น วันเกิดที่ครบรอบได้แก่ ๒๔ ปี ๓๖ ปี ๔๘ ปี ๖๐ ปี ๗๒ ปี เป็นต้น หรือหลังฟื้นจากป่วยหนัก หรือมีผู้ทักทายว่ามีเคราะห์จำเป็นต้องสะเดาะเคราะห์และสืบชะตา เป็นต้น
   สืบชะตาบ้าน นิยมทำเมื่อคนในหมู่บ้าน ประสบความเดือดร้อนหรือเจ็บไข้ได้ป่วยกันทั่วไปในหมู่บ้าน หรือตายติดต่อกันเกิน ๓ คน ขึ้นไป ถือเป็นเสนียดของหมู่บ้าน คนในหมู่บ้านอาจพร้อมใจกันจัดในวันปากปีปากเดือน หรือปากวัน คือวันที่หนึ่ง สอง หรือสามวันหลังวันเถลิงศก เพื่อให้เกิดความเป็นสิริมงคล
-สืบชะตาเมือง จัดขึ้นเมื่อบ้านเมืองเกิดความเดือดร้อนจากอิทธิพลของดาวพระเคราะห์ตามความเชื่อทางโหราศาสตร์ เพราะทำให้บ้านเมืองปั่นป่วนวุ่นวาย เพราะการจลาจลการศึก หรือเกิดโรคภัยแก่ประชาชนในเมือง เจ้านาย ท้าว พระยาบ้านเมืองจึงจัดพิธีสืบชะตาเมือง เพื่อให้อายุของเมืองได้ดำเนินต่อเนื่องสืบไป
   การเตรียมการ
ในการประกอบพิธีนี้ มีเครื่องสืบชะตาที่จำเป็นต้องเตรียมไว้มากมายสามารถจำแนกออกเป็น 5 ประเภท ตามความหมาย ความสำคัญ และสัญลักษณ์ดังต่อไปนี้
     1) การค้ำจุนชีวิต
        1.1 ไม้ค้ำ (ซุ้มสืบชะตา 3 ขา)
       1.2 ขัวไต่ (สะพานข้ามแม่น้ำ) เป็นเครื่องหมายแสดงถึงว่า โลกนี้มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ 3 ประการ คอยค้ำจุนช่วยเหลือในทางศาสนาพราหมณ์ หมายถึง ตรีมูรติ คือ เทพทั้ง 3 ได้แก่ พระพรหม พระอิศวร และพระนารายณ์ ส่วนทางศาสนาพุทธ หมายถึง พระรัตนตรัย อันได้แก่ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ที่ค้ำโยง โลกไว้ หรือ ค้ำโยงชีวิตมนุษย์ ให้ดำรงอยู่ได้ยาวนาน
     2) องค์ประกอบของการมีชีวิต2) องค์ประกอบของการมีชีวิต คือ ธาตุ 4 (ดิน น้ำ ลม ไฟ)
        2.1 กระบอกทราย หมายถึง ปฐวีธาตุ คือ การบูชาธาตุดิน
        2.2 กระบอกน้ำ หมายถึง อาโปธาตุ คือ การบูชาธาตุน้ำ
        2.3 ตุง/ช่อ หมายถึง วาโยธาตุ คือ การบูชาธาตุลม
        2.4 เทียน หมายถึง เตโชธาตุ คือ การบูชาธาตุไฟ เชื่อกันว่าร่างกายมนุษย์ ประกอบไปด้วย ธาตุทั้ง 4 ถ้าหากธาตุทั้ง 4 ไม่ได้รับการดูแลผิดปกติไป ก็อาจจะทำให้มีอาการผิดปกติ ไม่สบายอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้
     3) เครื่องสืบชะตาเกี่ยวกับมงคล 108 ประการ
         3.1 ช่อ 108 อัน สำหรับปักไว้บนยอดไม้ค้ำ 3 ขา
         3.2 หมากพลู 108 ผูกติดเส้นลวดเงิน 4 เส้น ทำเป็นบันไดชาตา ขนาดยาว 1 วา
         3.3 หมากพลู 108 ผูกติดเส้นลวดทอง 4 เส้น ทำเป็นขัวไต่ (สะพานข้ามแม่น้ำ : ขนาดยาว 1 วา)
(จำนวนเครื่องสักการะ : 108 หมายถึง การบูชาพระพุทธคุณ 56 พระธรรมคุณ 38 และสังฆคุณ 14) ถือเป็นนิมิตในการสร้างมงคลชีวิต

     4) ความเจริญงอกงามของการมีชีวิต
         4.1 กล้ามะพร้าว
         4.2 กล้าหมาก
         4.3 หน่อกล้วย
         4.4 กล้วยดิบ
         4.5 กล้าต้นอ้อย
จัดเป็นเครื่องสักการะที่มีความหมายในเชิงส่งเสริมกล้าพันธุ์ที่เป็นอเนกประโยชน์และมีความหมายในทางความเจริญงอกงามของชีวิต
      5) ส่วนประกอบตามคติความเชื่อ
        5.1 ฝ้ายดิบชุบน้ำมันงา หรือน้ำมันมะกอก ความยาวขนาด ความสูงของผู้สืบชาตา 1 เส้น
        5.2 ตุงค่าคิง/ธง 12 ราศี ยาวขนาดความสูงของผู้สืบชาตา (สีขาว) 1 ผืน
        5.3 เสื่อ 1 ผืน
        5.4 หมอน 1 ใบ
        5.5 เสื้อผ้า
       5.6 นก ปู หรือ หอย เตรียมไว้สำหรับปล่อย
       5.7 พานบายศรีนมแมว
       5.8 หม้อต่อม (หม้อเงิน – หม้อทอง) 2 ใบ สังเกตข้อย่อย 5.1 – 5.6 มีความหมายในการปัดเคราะห์รังควาน การขจัดปัดเป่า ปล่อยเคราะห์ เสนียดจัญไร ทุกข์โศก โรคภัย สิ่งที่เป็นอัปมงคลออกไปจากเจ้าชะตา และข้อย่อย 5.7- 5.8 มีความสำคัญให้เจ้าชะตามีชีวิตยืนยาว “ขวัญหนี ขวัญบิน” ให้กลับคืนมาและมั่งคั่งด้วยทรัพย์สินเงินทอง เพื่อให้ประสบแต่ความสุข ความดีงาม และความรุ่งโรจน์ในชีวิตพิธีการ

  ในการประกอบพิธีสืบชะตาทางสงฆ์
    1. นิมนต์พระสงฆ์ จำนวน 5 รูป 9 รูป 19 รูป 29 รูปจำนวนเท่าใดก็ได้ตามความเหมาะสม แต่มักนิยม เลขคี่
    2. มัคนายก (ปู่จ๋านวัด) นำไหว้พระ/อาราธนาศีล
    3. ประธานสงฆ์ให้ศีล
    4. มัคนายก อาราธนาพระปริตร
    5. พระสงฆ์รูปที่ 3 กล่าวชุมนุมเทวดา
    6. ประธานสงฆ์ นำสวดมนต์สืบชะตาแบบภาคเหนือบทสวด 3 บท คือ สวดอินต๊ะจ๊ะต๋า (สวดเทวชะตา) สวดอุณหิสสะวิชัย และสวดสักกัตวา ขณะที่พระสงฆ์สวดเจริญพระพุทธมนต์ จะมีการจุดเทียน 3 เล่ม คือ เทียนสืบชะตา เทียนมหาโชค และเทียนมหาลาภ
     7. เจ้าชะตาเคราะห์ ลูก – หลาน ซึ่งนั่งในซุ้มสืบชะตา ประนมมือ ฟังพระสวดจนจบ
     8. หลังจากพระสงฆ์สวดจบ เจ้าชะตาจะจัดให้มีกัณฑ์เทศน์ 1 กัณฑ์ เช่น คัมภีร์สารากริ คัมภีร์โลกวุฒิ เทศนาธรรม จบแล้ว พระสงฆ์จะมีการผูกมือให้ผู้สืบชะตา ประพรมน้ำพุทธมนต์ พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา และมอบเครื่องสืบชาตา แก่เจ้าชะตา นำไปไว้ที่ต้นโพธิ์วัดในหมู่บ้าน
    9. เจ้าภาพพิธีสืบชะตาถวายภัตตาหารเพล/ถวายจตุปัจจัยไทยทานแด่ พระสงฆ์ พระสงฆ์อนุโมทนา เป็นเสร็จพิธี


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

photolee

photolee
Thawat Palee