ภาษานิเวศ (Ecological Literacy หรือ Eco-literacy)
ภาษานิเวศ เน้นความสามารถที่จะเข้าใจระบบต่างๆ ของธรรมชาติที่ได้โอบอุ้มชีวิตต่างๆ บนโลกใบนี้ การรู้ภาษานิเวศจึงหมายถึงการเข้าใจหลักเกณฑ์การจัดองค์กรของชุมชนนิเวศแบบต่างๆ ที่เรียกว่า “ระบบนิเวศ” และนำหลักเกณฑ์ดังกล่าวไปสร้างสรรค์ชุมชนมนุษย์ที่อยู่อย่างยั่งยืน
สังคมที่รู้จักภาษานิเวศ เป็นสังคมยั่งยืนที่เข้าใจดีว่าจะอยู่ร่วมกับสภาพแวดล้อมและธรรมชาติที่ชาวพวกเขาต้องพึ่งพาอาศัยโดยไม่ทำลายได้อย่างไร
การรู้ภาษานิเวศจึงเป็นเรื่องของการเข้าใจและการปรับใช้หลักเกณฑ์การจัดองค์กรของระบบนิเวศต่างๆ เพื่อให้เกิดความรู้ว่าจะสร้างสังคมที่ยั่งยืนได้อย่างไร
ภาษานิเวศได้ผนวกรวมศาสตร์ที่ว่าด้วยระบบต่างๆ เข้าด้วยกันกับนิเวศวิทยา ในการผนวกรวมศาสตร์ทั้งสองด้านดังกล่าวจึงต้องอาศัยกระบวนการเรียนรู้อย่างซาบซึ้งทั้งกับธรรมชาติ และบทบาทมนุษย์ที่มีต่อธรรมชาติ
การคิดเป็นระบบ (Systems thinking) คือการตระหนักรู้ว่าโลกทั้งผองเป็นอันหนึ่ง อันเดียวกัน หาใช่เป็นการรวบรวมส่วนประกอบแต่ละอย่างเข้าด้วยกันไหม
พริตจ๊อบ คาบรา ได้กล่าวไว้ว่า ในหลายสิบปีข้างหน้า การอยู่รอดของมนุษย์ชาติจะขึ้นอยู่กับการเข้าใจภาษานิเวศของเรา เราต้องเข้าใจหลักการพื้นฐานของนิเวศวิทยาเพื่อที่จะอยู่กับมันได้ นั่นคือ ภาษานิเวศต้องกลายเป็นทักษะที่จำเป็นสำหรับนักการเมือง ผู้นำธุรกิจและนักวิชาชีพทุกสาขา
เดวิด ออร์ ได้ระบุถึงเป้าหมายภาษานิเวศว่า “ภาษานิเวศ ถูกสร้างขึ้นมาจากความตระหนักว่า ความเสื่อมโทรมของระบบนิเวศน์ สะท้อนถึงความเสื่อมถอยของจิตใจที่เกิดขึ้น ก่อนหน้าจึงเป็นปัญหาใหญ่ของสถาบันต่างๆ ที่มุ่งยกระดับจิตใจ หรืออีกนัยหนึ่ง วิกฤตนิเวศน์ ก็คือ วิกฤตการศึกษานั่นเอง การศึกษาทั้งมวลเป็นการศึกษาสภาพแวดล้อมว่าจะให้เด็กๆเป็นส่วนหนึ่ง หรือ แยกส่วนออกจากโลกธรรมชาติ” เขาเน้นย้ำอีกว่าการเข้าใจภาษานิเวศน์ไม่จำเป็นต้องมีความเชี่ยวชาญสาขาวิชาใดๆ แต่เป็นการสร้างสรรค์ถักทอสายใยอย่างมีความหมายระหว่างการใช้สมองคิด การลงมือทำและการทุ่มเททั้งหัวใจ
ที่มา:จากข้อเขียน David W.Orr และ Capra
ภาษานิเวศ เน้นความสามารถที่จะเข้าใจระบบต่างๆ ของธรรมชาติที่ได้โอบอุ้มชีวิตต่างๆ บนโลกใบนี้ การรู้ภาษานิเวศจึงหมายถึงการเข้าใจหลักเกณฑ์การจัดองค์กรของชุมชนนิเวศแบบต่างๆ ที่เรียกว่า “ระบบนิเวศ” และนำหลักเกณฑ์ดังกล่าวไปสร้างสรรค์ชุมชนมนุษย์ที่อยู่อย่างยั่งยืน
สังคมที่รู้จักภาษานิเวศ เป็นสังคมยั่งยืนที่เข้าใจดีว่าจะอยู่ร่วมกับสภาพแวดล้อมและธรรมชาติที่ชาวพวกเขาต้องพึ่งพาอาศัยโดยไม่ทำลายได้อย่างไร
การรู้ภาษานิเวศจึงเป็นเรื่องของการเข้าใจและการปรับใช้หลักเกณฑ์การจัดองค์กรของระบบนิเวศต่างๆ เพื่อให้เกิดความรู้ว่าจะสร้างสังคมที่ยั่งยืนได้อย่างไร
ภาษานิเวศได้ผนวกรวมศาสตร์ที่ว่าด้วยระบบต่างๆ เข้าด้วยกันกับนิเวศวิทยา ในการผนวกรวมศาสตร์ทั้งสองด้านดังกล่าวจึงต้องอาศัยกระบวนการเรียนรู้อย่างซาบซึ้งทั้งกับธรรมชาติ และบทบาทมนุษย์ที่มีต่อธรรมชาติ
การคิดเป็นระบบ (Systems thinking) คือการตระหนักรู้ว่าโลกทั้งผองเป็นอันหนึ่ง อันเดียวกัน หาใช่เป็นการรวบรวมส่วนประกอบแต่ละอย่างเข้าด้วยกันไหม
พริตจ๊อบ คาบรา ได้กล่าวไว้ว่า ในหลายสิบปีข้างหน้า การอยู่รอดของมนุษย์ชาติจะขึ้นอยู่กับการเข้าใจภาษานิเวศของเรา เราต้องเข้าใจหลักการพื้นฐานของนิเวศวิทยาเพื่อที่จะอยู่กับมันได้ นั่นคือ ภาษานิเวศต้องกลายเป็นทักษะที่จำเป็นสำหรับนักการเมือง ผู้นำธุรกิจและนักวิชาชีพทุกสาขา
เดวิด ออร์ ได้ระบุถึงเป้าหมายภาษานิเวศว่า “ภาษานิเวศ ถูกสร้างขึ้นมาจากความตระหนักว่า ความเสื่อมโทรมของระบบนิเวศน์ สะท้อนถึงความเสื่อมถอยของจิตใจที่เกิดขึ้น ก่อนหน้าจึงเป็นปัญหาใหญ่ของสถาบันต่างๆ ที่มุ่งยกระดับจิตใจ หรืออีกนัยหนึ่ง วิกฤตนิเวศน์ ก็คือ วิกฤตการศึกษานั่นเอง การศึกษาทั้งมวลเป็นการศึกษาสภาพแวดล้อมว่าจะให้เด็กๆเป็นส่วนหนึ่ง หรือ แยกส่วนออกจากโลกธรรมชาติ” เขาเน้นย้ำอีกว่าการเข้าใจภาษานิเวศน์ไม่จำเป็นต้องมีความเชี่ยวชาญสาขาวิชาใดๆ แต่เป็นการสร้างสรรค์ถักทอสายใยอย่างมีความหมายระหว่างการใช้สมองคิด การลงมือทำและการทุ่มเททั้งหัวใจ
ที่มา:จากข้อเขียน David W.Orr และ Capra
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น