วันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

เที่ยวสิบสองพันนาด้วยรถตู้กับคาราวานสินค้า


     การเดินทางไปสิบสองพันนาที่เมืองจีนกับคาราวานสินค้าไปจีนโดยเดินทางจากเชียงใหม่ด้วยรถกะบะเรานั่งด้านหลังแดดร้อนมากจากเทียงวันไปถึงที่ท่าเรือเชียงของ จังหวัดเชียงรายก็เกือบ 2 ทุ่มเพราะต้องไปรับคณะที่จะไปด้วยที่แม่สายก่อน วันนั้นเราเลยต้องนอนค้างที่เชียงของหนึ่งคืน เพราะด่านจะเปิดตอนเช้า 6.30-18.00 น. คืนนั้นเรานอนแต่หัวค่ำเพราะเหนื่อยกับการเดินทางมาทั้งวัน ตอนเช้าตื่นตี 5 ทำธุระเสร็จเราก็มานั่งชมวิวริมฝั่งโขงตอนพระอาทิตย์ขึ้น  6 โมงเช้า คณะเราก็ลงมากินข้าวกันที่ร้านอาหารของโรงแรม เราออกจากพัก 7 โมง ไปที่ท่าเรือซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่พัก ยืนเอกสารที่ด่านคนเดินทางขาออก ถึงจะได้ข้ามไปฝังลาวที่บ่อแก้วโดยเรือมารับ ใช้เวลาประมาณ 10 นาทีก็ถึงฝั้งลาว จะมีคนรับจ้างขนกระเป๋าตกลงราคาค่าขนกระเป๋ากัน 50 บาท  ขนจากท่าเรือขึ้นไปบนฝั้งพอไปถึงที่เรียกเก็บเรา 100 บาท เอากับมันเราก็จำต้องยอมมันเดียวมีเรื่อง

       หลังจากนั้นเราก็โทรหาเจ้าของรถตู้ที่จะมารับคณะของเรา  สักพักรถก็มารับเรา ทักทายกันหน่อยเราก็ขึ้นรถ วันนั้นคณะของเราไปกัน 15 คน ต้องนั่งเบียดกันไป รถออกจากที่บ่อแก้วไดก็ปาเข้าไป 9 โมง รถเราวิ่งไประหว่างทางชมบ้านเมืองของเขาเป็นบ้านที่ก็เหมือนกับบ้านเราไม่แตกต่างกัน       เที่ยงวันแล้วเรายังเดินทางยังไมถึงครึ่งทางเลยต้องแวะรับประทานอาหารระหว่างทางกันก่อน คณะเขาสั่งอาหารป่ามากินกัน ส่วนผมขอตัวไปหากินเองอีกร้าน ไปกินขนมจีนใส่น้ำเปล่าๆผสมเกลือและน้ำอะไรไม่รู้รสออกแปลกๆบอกไม่ถูก หลังจากนั้ก็ออกเดินทางกันต่อ 3โมงกว่ามาถึงด่านที่จะเข้าประเทศจีน ทุกคนต้องเอากระเป๋าลงจากรถแล้วเดินเข้าไปที่ด่านขาออกลาวก่อน จ่ายค่าด่าน 30 บาทไทย แล้วจึงไปที่ด่านจีนยื่นเอกสารก่อนยื่นเอกสารต้องไปที่จอคอมพิวเตอร์ไปกรอกเอกสารก่อนที่จะมายืนเข้าแถวพร้อมกระเป๋ายื่นพาสปอร์ตเราต้องยื่นให้เขาดูหน้าว่าหน้าเราเหมือนรูปในพาสปอร์ตหรือเปล่า แล้วเดินผ่านไปขึ้นรถที่ด้านหลังแต่ยังไปไม่ได้ต้องรออีกคนที่เป็นคนลาวต้องไปทำเอกสารฝั่งลาวก่อน        จากนั้นเราเดินทางต่อ ระหว่างทางจากด่านจีนต้องผ่านภูเขามากมาย ถนนฝั่งจีนจะไม่ขึ้นภูเขาถนนจะตัดตรงตลอดถ้าเจอภูเขา จะเจาะอุโมงทะลุภูเขาไป ถ้าเจอเหวลึกก็จะสร้างสพานขนาดใหญ่ให้รถวิ่งข้ามผ่านไป เพราะฉะนั้นเราจึงเจออุโมงตลอดการเดินทาง ยาวบางสั้นบางแล้วแต่ขนาดของภูเขา        6 โมงเรามาถึงสิบสองพันนา เห็นแล้วดูเหมือนเมืองที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ เมืองเก่าหายไป ถ้าจะดูแบบบ้านเมืองเดิมต้องเดินทางต่อไปอีก แต่วันนี้เราต้องพักที่นี้ มันเหมือนเชียงใหม่แห่งที่สอง แต่เป็นเมืองที่สร้างขึ้นใหม่หมด  ตามท้องถนนมีแต่ฝุ่นมากมาย                 จากนั้นเราก็เข้าที่พักซึ่งเป็นคอนโด ที่ทางศูนย์อุสาหกรรมภาคเหนือของไทยเป็นเจ้าของ เช่าเอาไว้ชั้นที่22ทั้งหมด เพื่อให้คนไทยที่นำสินค้ามาจำหน่ายในจีน ห้องพักดูดี ห้องน้ำก็เหมือนของไทย ลืมบอกไป ห้องน้ำที่เป็นแบบจีนจะนั้งยองๆเท่านั้น
         ช่วงที่เรามากันเป็นเดือนเมษายน อากาศร้อนมาก 


เราจะเดินทางด้วยรถตู้คันนี้ซึงจอดรับเราที่ฝั้งลาว
ดูสภาพเราขณะที่เดินทางที่ต้องนั่งด้านหลังรถกะบะ
จากเชียงใหม่ไปเชียงของต้องใช้ผ้าขาวม้าคลุมห้วตลอดทาง
เพราะแดดเดือนเมษายน มันร้อนมาก
ชมพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้าริมฝั่งโขง
ขอเพื่อนถ่ายรูปให้
ที่ท่าเรือข้ามน้ำโขงบริเวณเชียงของ
มีฝรั่งเดินทางเส้นนี้เหมือนกัน
ขนสัมภาระลงเรือ
ลงเรือ

มีคนมาขนกระเป๋าตอนแรกบอกว่า 50 บาทแต่พอส่งถึงรถเก็บ 100 บาท 
 ต้องเดินหารถเอง
ทุกคนต่อลากกระเป๋าเอง
รถที่มารับคณะของเรา
พักกินข้าวระหว่างทาง
จอพักรถกินข้าวกัน
มาถึงด่านที่จะเข้าประเทศจีน
ถ่ายรูปคุณเธอทั้งสองสักรูป
มาถึงจีนที่สิบสองพันนา ดูแล้วเหมือนเชียงใหม่แห่งที่สอง
คณะที่มาเดิินดูห้องที่จะนำสินค้าจากเมืองไทยมาขายกัน
สินค้าที่ส่งทางเรือมาถึงก่อนเรา
เริ่มจัดสินค้าเข้าที่
สินค้าของคนจีนที่เอามาขายด้วย
เสื้อผ้าของเราที่มาจากเชียงใหม่
ลูกจ้างคนจีนวันละ 100 หยวน เท่ากับ 500 บาทไทย
ถ้าเราไม่มีจะขายสินค้าไม่ได้ทุกร้านต้องมีอย่างน้อย 1 คน
ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาที่เรียนภาษาไทยมาก่อนหรือกำลังเรียน
เพราะต้องสื่อสารนายจ้างไทยได้ด้วย
ในงานขายสินค้า
ที่พักของเราอยู่ชั้นที่ 22 ของคอนโด

สองข้างทางจะมีรูปปั้นของชาวลื้อซึ่งเป็นคนพื้นถิ่นเดิม
ซึ่งตอนนี้หาไม่เจอแล้ว























วันอาทิตย์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ผีใหญ่



ผีใหญ่ เทพยดาหรือเทพเจ้า
  จากการนับถือบรรพษุรุษแล้ว ยังมีผีที่ชาวเมี่ยนถือว่ามีระดับสูงและมีอำนาจมากมีประมาณ 80 กว่าองค์ แต่ที่ชาวเมี่ยนถือว่าสำคัญมาก ที่สุดมี 18 องค์รวมเรียกว่า ฟ่าม ชิง ผีนี้จะได้รับการอัญเชิญมาอยู่ในภาพวาด เมื่อมีพิธีกรรมที่สำคัญ โดยเฉพาะในงานกว๋าตัง (เทียบได้กับการบวช) และพิธีศพ ผีที่เป็นใหญ่ที่สุดคือเมี้ยนฮูงและผีที่สำคัญซึ่งถือว่าเคยนำทางเมี่ยน 12 ตระกูลให้รอดชีวิตมาได้ เมื่อครั้งอพยพทางเรือ เรียกว่าผีสามดาวหรือฟามชิงเมี้ยนได้แก่ เล่งสี่ เล่งปุ โต่วต๊ะ หยุดฮูง สิ่งเจี้ยว เหล๋ยถิ่น เจี้ยงถิ่น ถิ่นโฟ้ว เต๋ยโฟ้ว ต้มต้องหอยฟาน สุยโฟ้ว ต้มต้องท้ายไหว ฟงต้องท้ายไหว จ้าฟิ่นฝัง ป้าต้านสวย เจียบตีนฮูง ต้าโต่วเจี้ยว แห้งเฝย รวมอยู่ในผีใหญ่ทั้ง 18 องค์ และเมี่ยนยังเชิญเทพเจ้ามาเลี้ยงในพิธีเกี่ยวกับการสร้างบุญบารมีให้แก่ตนเองในชาตินี้ และชาติหน้าอีกด้วย (ข้อมูลจาก http://www.hilltribe.org/thai/mien/mien-believe.php)

















เที่ยวประจวบคีรีขันธ์

         การศึกษาดูงานที่โครงการตามพระราชประสงค์หุบกระพง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์เลยถือโอกาสไปเที่ยวกันเป็นการพัฒนาศักยภาพให้พนักงานของ สสว10ได้เปิดหูเปิดตาหลังจากที่ทำงานหนักกันมานาน เพื่อเพิ่มเติมพลังกายใจให้สู้กับงานต่อไป



ถ่ายภาพหลวงพ่อทวด










คุณแม่กับคุณลูก




ถ่ายภาพสาวๆ


ขอให้คนอื่นถ่ายให้


ก่อนลงเรือไปเกาะทะลุ

photolee

photolee
Thawat Palee